กาลครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ณ วัดประจำหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีหลวงพ่อพจน์เป็นเจ้าอาวาสมีพระลูกวัดคือพระแดงและสามเณรโด่ง ทั้งสามรูปปฏิบัติกิจของสงฆ์อย่างไม่ขาดตกบกพร่องจนเป็นที่เคารพเลื่อมใสของชาวบ้าน กลางดึกของคืนหนึ่งในฤดูฝน ขณะที่สามเณรโด่งลงมาเข้าห้องน้ำก็เห็นแสงเรืองๆ คล้ายกับหิ่งห้อยลอยกลางอากาศ เณรโด่งไม่ได้สนใจนัก พอปลดทุกข์เสร็จแล้วกำลังเดินกลับกุฏิ แสงเรืองๆ นั้นก็ลอยเข้ามาใกล้ๆ จนเห็นชัดว่ามันไม่ใช่หิ่งห้อยอย่างที่คิด แต่มันคือ...
‘สำนักหมอผีอาจารย์เดช’ เป็นที่เรื่องลือกันมากในแวดวงของผู้ที่ประกอบอาชีพค้าขาย ว่ากันว่าแกเป็นผู้ที่มีวิชาอาคมกล้าแกร่งเป็นอย่างมาก แกสามารถปลุกเสกเครื่องรางของขลังที่ให้คุณในด้านต่างๆ ได้อย่างมากมาย โดยเฉพาะในด้านค้าขาย เมื่อเกดซึ่งเป็นเจ้าของร้านค้าส่งให้ฟัง เธอจะคิดถึงเธอสนิทของเธอเดินทางไปหาอาจารย์เดชในวันพรุ่งนี้ อันที่จริงแล้วเกดอยากจะไปในทันทีเสียด้วยซ้ำแต่ติดตรงที่ว่ามันมืดค่ำแล้ว สาเหตุที่เกดใจร้อนนั้นก็เนื่องจากว่า หลายเดือนที่ผ่านมานี้ เธอค้าขายไม่ดี ทุนหายกำไรไม่ได้ ถึงแม้จะปรับเปลี่ยนโปรโมชั่นหลายต่อหลายครั้ง...
ย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อนในดินแดนอาถรรพ์ของดงพญาไฟ อาตมาในเวลานั้นได้มีโอกาสออกเดินธุดงค์แต่เพียงลำพังและการออกเดินธุดงค์ในครั้งนี้นี่เองมันจึงเป็นต้นเหตุให้อาตมานั้นต้องได้มาพบกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่มนุษย์อย่างเราเท่านั้น เรายังคงหาคำตอบกันไม่ได้ ท่ามกลางป่าอันรกทึบที่เต็มไปด้วยอันตรายจากสิงสาราสัตว์และอมนุษย์ อาตมานั้นยังคงออกเดินทางมาเรื่อย ๆ พร้อมกับทำกิจอันชอบอย่างเป็นเนืองนิจจนกระทั่งในช่วงสายของวันหนึ่ง อาตมานั้นก็ได้เดินทางเข้าสู่อำเภอแก่งคอยและเริ่มที่จะเดินตัดเส้นทางไปยังจังหวัดนครนายก และได้เดินทางเข้ามาสู่ปากแบบนี้แล้วอาตมานั้นกลับรู้สึกว่า ป่าแห่งนี้ล้วนแต่มีภูติผีปีศาจ และนางไม้ รวมไปถึงรุกขเทวดาอยู่เป็นจำนวนมากซึ่งนั่นมันก็หมายความว่าอาตมานั้นจะต้องตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบให้มากขึ้นตามลำดับ เพราะส่วนหนึ่งจะเดินเป็นเกราะกำบังไอ้สิ่งไม่ดีนั้นไม่สามารถเข้ามากล้ำกรายและทำอันตรายแก่อาตมาได้ แล้วเมื่ออาตมาได้เดินทางมาสักระยะแล้วสิ่งอัศจรรย์และอันตรายจากป่าแห่งนี้ก็เริ่มที่จะส่อแววเกิดขึ้นกับตัวของอาตมาอย่างช้า...