June 7, 2023
ชั้นนี้มันมีประวัติ

เรื่องนี้เพิ่งเกิดที่คอนโดแห่งหนึ่งแถวๆ พัฒนาการ เป็นเรื่องของผู้ชายคนหนึ่งที่เขาเพิ่งย้ายมาจากต่างจังหวัดเพื่อเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ แล้วเขาก็ได้เข้าเช่าอยู่ที่คอนโดแห่งนี้ แต่ปรากฎว่าตอนที่เขาเข้าไปอยู่นั้นเขาก็ได้เจอเรื่องราวแปลกๆ แล้วเรื่องราวมันจะดำเนินไปอย่างไร ลองฟังและคิดตามไปพร้อม ๆ กันนะ ตอนจบต้องเป็นอะไรที่คาดไม่ถึงกันแน่ ๆ ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ.2561 โดยปกติแล้วคุณแซมเป็นคนจังหวัดบุรีรัม แต่ว่าเขาได้เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ ก็เลยจำเป็นต้องไปเช่าคอนโดแถวๆ พัฒนาการ และปรากฏว่าตอนที่เขาไปดูคอนโดนั้น เขาก็ได้ถูกใจคอนโดแห่งนี้เป็นอย่างมาก ลักษณะของคอนโดแห่งนี้จะมีทั้งหมดอยู่ 12 ชั้น และคุณแซมได้พักอยู่ในชั้นที่ 11 ซึ่งคอนโดห้องนี้เป็นคอนโดที่เจ้าของห้องได้ซื้อทิ้งเอาไว้เพื่อเอามาปล่อยให้คนอื่นเช่า คอนโดห้องนี้จึงเป็นเพียงห้องเปล่า ๆ คุณแซมก็ไม่ได้มีข้าวของอะไรเยอะแยะ จะมีก็แต่เสื้อผ้า ฟูกที่สำหรับเอาไว้นอนก็แค่นั้น ส่วนเฟอร์นิเจอร์อื่น ๆ เขาก็ไม่ได้ซื้อเข้า เพราะว่ามันก็คงไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น คืนแรกคุณแซมก็ได้เข้านอนตามปกติ แต่ก็รู้สึกว่านอนไม่ค่อยหลับคงเพราะว่าแปลกที่แปลกทางแต่เขาก็พยายามข่มตานอนให้หลับเพราะว่าพรุ่งนี้เช้าต้องไปเรียนหนังสือ ตอนนั้นเขาก็ได้นอนหลับตาและพลิกตัวไปพลิกตัวมาอยู่บนที่นอน แต่มันก็ยังหลับไม่สนิทและยังรู้สึกตัวหมดทุกอย่าง คราวนี้จังหวะที่เขานอนหลับตาอยู่นั้นเขาก็ได้ยินเสียงลิฟท์ที่ดังขึ้น ตึ้ง! คาดว่าลิฟท์น่าจะมาหยุดอยู่ตรงชั้นที่คุณแซมอยู่ แล้วเขาก็ได้ยินเสียงรองเท้าเดินมาจากโถงทางเดินข้างนอกพร้อมกับเสียงกระพรวน แต่ตอนนั้นเขาก็ยังไม่ได้คิดอะไรมาก และก็ไม่ได้ดูเวลาว่าตอนนั้นเวลากี่โมงกี่ยามแล้ว รู้แค่ว่ามันดึกมาก ๆ แล้ว เพราะตอนที่เขานอนเวลามันก็ 5 ทุ่มกว่าแล้ว เขาก็เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูปรากฏว่าเวลานั้นเป็นเวลาเที่ยงคืนสี่สิบห้านาที พอดูเวลามันก็ดึกมากแล้ว แต่ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจอะไร ทำได้แค่ขมตาตัวเองให้นอนเพราะพรุ่งนี้เช้าต้องมีเรียน สุดท้ายคืนนี้เขาก็ได้เผลอหลับไป ตื่นเช้ามาคืนแรก็ยังไม่มีอะไร คุณแซมก็ไปเรียนหนังสือตามปก เรียนเสร็จก็กลับมาคอนโด เขาก็ใช้ชีวิตอย่างนี้ปกติทุกวันไม่มีอะไรให้น่าคิดเท่าไหร่ จนถึงช่วงดึกของคืนที่สาม คืนนี้เขาไม่ได้ปิดประตูห้องเพราะเขาทำรายงานส่งอาจารย์และเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ในตอนนั้นเองเขาก็ได้เขียนรายงานไปเรื่อย ๆ จนไม่ได้ดูเวลาว่าตอนนี้นั้นเป็นเวลากี่โมงแล้ว ในระหว่างที่เขากำลังนั่งเขียนรายงานอยู่ เขาก็ได้ยินเสียงลิฟท์มันดังขึ้นอีกครั้งและมีเสียงรองเท้าส้นสูงเดินมาและตามด้วยเสียงกระพรวนเหมือนคืนแรกยังไงยังนั้น คุณแซมก็นั่งฟังไปสักพักนึง จนเสียงนั้นมันเดินผ่านหน้าห้องเขาไป เขาก็ได้หันไปมองปรากฏว่าเขาก็ได้เห็นเป็นน้องผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นน้องนักศึกษา ลักษณะของน้องผู้หญิงคนนี้ก็คือ ผิวขาว หน้าตาน่ารัก เขาใส่ชุดนักศึกษาและใส่รองเท้าส้นสูงและสะพายกระเป๋าสะพายข้าง กระเป๋าใบนี้มีกระพรวนที่ห้อยติดไว้อยู่ ตอนเห็นผู้หญิงคนนี้ครั้งแรกคุณแซมบอกว่าเขาชอบผู้หญิงคนนี้มาก ตรงสเป็กเขาทุกอย่าง คืนนั้นก็ผ่านไป จนมาถึงคืนที่สี่ เวลาเดิมคุณแซมก็เปิดประตูทิ้งเอาไว้เพื่อรอน้องคนนี้เดินมา รอคุณแซมได้ยินเสียงลิฟท์เปิด คุณแซมเลยแกล้งทำเป็นกวาดห้องและกวาด ๆ อยู่ตรงหน้าประตู พอน้องผู้หญิงคนนี้เดินมาผ่านมา คุณแซมเลยตัดสินใจทักไปว่า กลับดึกจังเลยนะครับ ผู้หญิงคนนั้นที่กำลังเดินอยู่ก็เกิดหยุดเดิน และหันมายิ้มเขิน ๆ ให้ แล้วเขาก็เดินต่อไป ในตอนนั้นคุณแซมก็บอกว่าเขารู้สึกดีมาก ๆ เลย ที่ทักน้องผู้หญิงคนนี้ไปและดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้รังเกียจอะไร จนคุณแซมเกิดเข้าข้างตัวเองคิดไปเองว่าผู้หญิงคนนั้นต้องเล่นด้วยกับตัวเองแน่เลย ในคืนนั้นมันก็ผ่านไปอีก คืนต่อมาคุณแซมก็ทำเหมือนเดิมทุกอย่าง และคราวนี้จะแอบดูให้ได้เลยว่าผู้หญิงคนนั้นพักอยู่ห้องไหน พอถึงเวลาเดิม เที่ยงคืนสี่สิบห้านาที ลิฟท์มันก็เปิดขึ้นมาและก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนนี้เดินมา ตอนที่ผู้หญิงคนนี้เดินผ่านห้องมาคุณแซมก็ชะโงกหน้าออกไปเพื่อที่จะดูว่าเขาพักห้องไหน และก็เห็นว่าน้องผู้หญิงคนนี้เดินไปสุดโถงทางเดิน โถงทางเดินจะเปิดหน้าต่างระบายอากาศ ในจังหวะที่คุณแซมชะโงกหน้าออกไปมองอยู่นั้น น้องผู้หญิงคนนั้นก็ได้หยุดเดินและหันหน้ากลับมามองคุณแซม ราวกับเธอรู้ว่ามีคนกำลังแอบมองเธออยู่ แต่น้องเขาก็ไม่ได้ทำท่าทีตกใจอะไรนักเขากลับยิ้มและพยักหน้าให้ คุณแซมจึงครุ่นคิดว่าที่น้องเขาทำแบบนี้นั้นหมายความว่ายังไง คุณแซมจึงเอานิ้วชี้ ชี้มาที่ตัวเอง ประมาณว่าเรียกผมเหรอ น้องเขาก็พยักหน้าและกวักมือเรียกคุณแซม คุณแซมจึงเดินออกไป ในจังหวะที่เขากำลังเดินเข้าไปใกล้ผู้หญิงคนนี้นั้น อยู่ ๆ น้องผู้หญิงก็ไปกระโดดขึ้นไปนั่งบนขอบหน้าต่าง คุณแซมร้องอุทานออกมา และไม่ได้คิดเรื่องผี ๆ เลย คิดแค่ว่ากลัวน้องจะตกลงไปข้างล่าง มันอันตรายมาก และในจังหวะที่กำลังจะเดินไปขว้าแขนน้องเพื่อที่จะดึงลงมาก็ไม่ทันแล้ว น้องคนนั้นกระโดดลงไปข้างล่างคุณแซมตกใจมาก และรีบวิ่งเอาหัวชะโงกหน้าไปดูตรงหน้าต่าง สิ่งที่คิดคือน้องคนนั้นต้องนอนจมกองเลือดอยู่ข้างล่างแน่ ๆ เลย แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ สิ่งที่เขาเห็นคือ น้องผู้หญิงคนนี้เขายืนอยู่ข้างล่างและเงยหน้าขึ้นมามองคุณแซมพร้อมกับแสยะยิ้มให้ คุณแซมเห็นแค่นั้นเขาก็ยืนช็อคไปพักนึง แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจจนขยับตัวไม่ได้เลยคือเขาได้ยินเสียงลิฟท์เปิดและได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงเดินมา แต่พอหันไปก็ไม่เจอใครเลยมีแค่เขายืนอยู่คนเดียวตรงโถงทางเดินนั้นแต่เสียงเดินมันก็ยังได้ยินอยู่ตลอดเวลา เขาเลยทุลักทุเลพาตัวเองค่อย ๆ เดินกลับเข้าห้องไป และก่อนที่เขาจะเดินเข้าห้องไปก็ได้ยินเสียง เป็นเสียงหัวเราะเบา ๆ แค่นั้นเขาก็รีบปิดประตู ล็อคห้อง และโทรหาเพื่อนให้เพื่อนมารับให้เร็วที่สุด ไม่กล้าใช้ลิฟท์ลงไปข้างล่างคนเดียว เพราะกลัวว่าน้องเขาจะมาอยู่ในลิฟท์ด้วย คุณแซมนอนขดตัวสั่นอยู่ในห้องและรอเพื่อนมารับ ผ่านไปไม่นานเพื่อนเขาก็มาเคาะประตูเรียก แต่ตอนนั้นคุณแซมก็ยังไม่ได้เล่าอะไรให้เพื่อนฟัง บอกว่าออกไปจากที่นี่ก่อนแล้วเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง จนไปถึงบ้านเพื่อน เป็นห้องเช่าเล็ก ๆ เขาก็เล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้เพื่อนฟังว่าเขาไปเจออะไรมาบ้าง คุณแซมก็บอกกับเพื่อนว่าขอนอนพักที่ห้องก่อนได้ไหมแต่เขาก็นอนได้แค่สามวัน เพราะว่าเพื่อนเช่าห้องเล็ก ๆ อยู่ อยู่รวมกันสามคนซึ่งมันก็แออัดมากเกินไป เพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งก็บอกว่า เอาอย่างนี้แซมมึงไม่ต้องมานอนบ้านกูหรอก เดี๋ยวพวกกูสามคนไปนอนคอนโดมึงแทน แล้วเดี๋ยวไปดูเลยว่าจะเจอจริง ๆ อย่างที่มึงเล่าไหม อย่างน้อยพวกเราอยู่กันสี่คนก็ไม่ต้องกลัวอะไรหรอก ภายในวันนั้นพวกคุณแซมก็รวมตัวกันอยู่ในห้อง และรอดูว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า จนเวลาถึงเที่ยงคืนสี่สิบห้า เป็นเวลาประจำที่เขาจะได้ยินเสียงลิฟท์และคนเดิน แต่ปรากฎว่าคืนนี้พวกเขาก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น ในคืนแรกก็ผ่านไป จนมาถึงคืนที่สองทั้งกลุ่มก็พยายามฟังเสียงตามที่เพื่อนเคยเล่าแต่คืนนี้มันก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น และคืนที่สามก็เช่นกันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นทุกอย่างเงียบและปกติ เพื่อนเลยบอกว่าแซมมึงสบายใจได้แล้วล่ะมันไม่น่าจะมีอะไรแล้วนะ กูไม่รู้หรอกกว่ามึงไปเจออะไรมา แต่สิ่งที่มึงเล่าให้กูฟังมันคงไม่มีแล้วล่ะ ตอนนั้นคุณแซมก็ยังไม่ได้หายกลัวแต่จะห้ามเพื่อนไม่ให้เพื่อนกลับก็ไม่ได้ เขาเลยต้องจำใจนอนในห้องคนเดียวอีกครั้ง ตกกลางคืนเขานอนยังไงก็นอนไม่หลับ ในคืนนั้นแซมก็เข้านอนและเอาผ้าห่มมาคลุมตัวเอาไว้ พยายามไม่ดูนาฬิกาพยายามไม่ดูโทรศัพท์ ข่มตาให้นอนให้นอนให้ได้ จนสุดท้ายเขาก็ได้ยินเสียงลิฟท์มันดัง และได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงพร้อมกับกระพรวน เหมือนเดิมทุกอย่างที่เขาเคยเจอ แต่ตามปกติแล้วเสียงเดินจะต้องเดินผ่านหน้าห้องเขาไป แต่ว่าวันนี้มันเดินใกล้เขามาและหยุดอยู่ตรงหน้าห้อง ให้นึกภาพว่าในห้องเวลาที่มันมืดโถงทางเดินก็จะเปิดฟังเอาไว้และไฟจากข้างนอกก็จะสาดเข้ามาตรงร่องประตูข้างล่าง สิ่งที่เขาเห็นก็คือเขาเห็นเป็นเงา เหมือนมีคนมายืนอยู่ตรงหน้าประตู ตอนที่เขาเห็นก็เห็นว่าเป็นคนมายืนนิ่ง ๆ คุณแซมก็นอนนิ่ง ๆ ไม่กล้าขยับตัว เพื่อรอให้เงานั้นเดินออกไปจากห้องเขาสักที แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจมากที่สุดก็คือเขาได้ยินเสียงคนกำลังพยายามบิดลูกบิดประตูเข้ามา แต่มันบิดเข้ามาไม่ได้เนื่องจากว่าเขาล็อคมันไว้อยู่ สักพักเงานั้นก็หายไป พอรู้สึกว่าทุกอย่างมันเริ่มกลับมาปกติเขาเลยตัดสินใจเดินไปดูตรงหน้าประตู เพื่อที่จะไปส่องตาแมวดูว่ามันมีอะไรอยู่หรือเปล่า และสิ่งที่เขาเห็นคือมีเงาผู้หญิงคนนั้นแหละยืนอยู่และก็ยิ้มให้พร้อมกับกวักมือเรียกให้ออกมา คุณแซมเห็นแค่นั้นก็ล้มตึงหมดสติไปตรงนั้นเลย และมารู้สึกตัวอีกทีในตอนเช้า และเขาเลยตัดสินใจโทรไปบอกพี่เจ้าของห้องว่าจะออกจากห้อง อยู่ครบกำหนดไม่ได้จริง ๆ และขอเงินมัดจำคืนแค่ครึ่งหนึ่งก็ได้ดี เพราะว่าอยู่ไม่ไหวจริง ๆ และคุณแซมก็ได้ถามไปว่าที่นี่มีอะไรหรือเปล่า พี่เจ้าของห้องกลับพูดขึ้นมาว่านี่เขายังอยู่อีกเหรอ คุณแซมจึงถามไปอีกรอบว่าที่นี่มีอะไรเหรอครับพี่ พี่เจ้าของห้องจึงเล่าให้ฟังว่าเมื่อประมาณสองปีก่อนมีนักศึกษาผู้ชายคนหนึ่งมาเช่าห้องอยู่ที่คอนโดแห่งนี้แหละ ห้องอยู่สุดโถงทางเดิน ผู้ชายคนนี้ก็มีแฟนอยู่คนหนึ่งเป็นนักศึกษาหญิงทุก ๆ วันคนอื่น ๆ ที่เช่าอยู่ชั้นเดียวกันจะได้ยินเสียงคู่รักคู่นี้ทะเลาะกันอยู่เป็นประจำ จนมีอยู่วันหนึ่งเขาทะเลาะกันเสียงดังมาก ๆ ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยงคืนกว่า ๆ นักศึกษาชายได้ผลักนักศึกษาหญิงให้ออกมานอกห้องและตะโกนไล่ว่ามึงจะไปตายที่ไหนก็ไป น้องผู้หญิงคนนี้ก็ยืนร้องไห้อยู่หน้าห้องและทุบประตูอยู่อย่างนั้นแต่ผู้ชายก็ไม่ได้เปิดประตูออกมา และเสียงที่ทุกคนได้ยินก็คือมันเป็นเสียงดัง ตึ้ง! และก็มีเสียงสัญญาณกันขโมยรถดังขึ้นมา ทีนี้ทุกคนในคอนโดก็ออกมาดูก่อนหมด สิ่งที่เห็นก็คือน้องผู้หญิงกระโดดลงไปจากทางหน้าต่าง ตกลงมาใส่รถยนต์คันหนึ่งและเสียชีวิตคาที่ หลังจากคดีเสร็จสิ้นผู้ชายคนนั้นก็ได้ย้ายออกไปจากคอนโด ส่วนคนที่อาศัยอยู่ชั้น 11 ก็จะได้ยินเสียงเดินอยู่เป็นประจำ และบางคนก็เห็นน้องผู้หญิงเดินอยู่ตรงโถงทางเดินบ้าง หรือไม่ก็กำลังจะทำท่ากระโดดลงไป แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนอยู่ไม่ได้คืน เวลาที่จะลงลิฟท์หรือขึ้นลิฟท์ก็ตาม ก่อนที่ประตูลิฟท์จะปิดมักจะมีมือหนึ่งยื่นเข้ามาขวางประตูไม่ให้ประตูลิฟท์ปิด และจะเห็นเป็นน้องผู้หญิงคนนั้นเขาจะขึ้นลิฟท์มาด้วย