ศาลสะพานพระราม6

เรื่องเล่าหลอน จะสร้างความสนุกสนานให้กับผู้ที่รอคอย และก็ยังเป็นรูปแบบของการผ่อนคลายที่ลอบทำให้คนตื่นเต้นสนุกสนานได้อย่างไม่ซ้ำใคร ถ้าคุณกำลังมองหาความเพลิดเพลินหรือสนุกสนานเสมือนถูกสัมผัสในมวลรวม แน่นอนว่า เรื่องเล่าหลอน เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่คุณไม่ควรมองข้าม! คาดเต้นใจรอการเล่าเรื่องที่น่าให้ความร่ำรวยด้วยความสนุกสนาน และยับยั้งอารมณ์

ก่อนอื่นที่เราจะเข้าไปเจาะลึกตำนานความหลอนเกี่ยวกับสะพานพระราม 6 เนี่ย เราต้องทำความรู้จักก่อนนะครับ ว่าสะพานพระราม 6 นั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร โดยสะพานพระราม 6 นี้ผมขออ้างอิงจากวิกิพีเดียก็แล้วกันนะครับ สะพานพระราม 6 เนี่ยเป็นสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นสะพานแรกของประเทศไทยเลย ลงนามสัญญาก่อสร้างเมื่อเดือนเมษายน 2465 เริ่มก่อสร้างในเดือนธันวาคมปีพ.ศ 2465 วางหีบพระฤกษ์ เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2466 โดยกรมพระแพงเพชรอัครโยธินในรัชกาลสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเชื่อมทางรถไฟระหว่างตะวันออกกับตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาให้ติดต่อกันได้

สะพานสร้างเสร็จในเดือน ธันวาคม พ.ศ. 2469 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่าสะพานพระราม 6 ซึ่งหมายถึงพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 และโปรดเกล้าฯ ประกอบพิธีเปิดสะพานให้ขบวนรถไฟเดินผ่านข้ามเป็นปฐมฤกษ์ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2469 (นับอย่างปัจจุบันต้องปี พ.ศ. 2470 แล้ว) ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยใช้รถจักรไอน้ำ ” บอลด์วิน ” ล้อแบบแปซิฟิก หมายเลข 226 ทำขบวนเสด็จ

ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 สะพานได้ถูกกองทัพสหรัฐและอังกฤษทิ้งระเบิดอย่างหนัก ในที่สุดช่วงกลางสะพานขาดเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488 และได้ซ่อมแซมใหม่โดยบริษัทดอร์แมนลอง (ผู้รับเหมาจากประเทศอังกฤษที่เคยประมูลการก่อสร้างสะพานพระราม 6 แต่แพ้การประมูลเพราะค่าเงินปอนด์แข็งเกินไป) และบริษัทคริสเตียนนี แอนด์ นีลเส็น (ไทย) จำกัด (ผู้รับเหมาเดนมาร์กที่ภายหลังได้เป็นผู้รับเหมาไทยเต็มตัวเมื่อปี พ.ศ. 2535 เพราะย้ายฐานมาเมืองไทย มีสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นผู้ถือหุ้นสำคัญ) ในระหว่าง พ.ศ. 2493 – 2496 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดสะพานพระราม 6 หลังจากซ่อมแซมแล้ว เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2496 โดยใช้รถจักรดีเซลไฟฟ้า ” ซูลเซอร์ ” หมายเลข 562 ทำขบวนเสด็จ

ศาลสะพานพระราม6

หลายๆคนคงสงสัยว่าทำไมเราต้องรู้ประวัติที่มาที่ไปของสะพานพระราม 6 นี้ด้วย ต้องบอกเลยนะครับว่าข้อมูลในส่วนนี้มีผลต่อข้อมูลความหลอนของเรายังไงล่ะครับ เพราะว่ากันว่าสะพานพระราม 6 แห่งนี้มีศาลอยู่ศาลนึงครับซึ่งเรียกกันว่าศาลเจ้าพ่อพระราม 6 และคนบริเวณนี้ต่างก็เคารพบูชาใช้คำว่าคนในท้องที่ต่างก็เข้ามากราบไหว้กันอย่างถ้วนหน้า หากเราลอง search ชื่อนี้ใน Google มันก็จะเหมือนศาลาเล็กๆทั่วๆไปแต่ต้องบอกเลยว่าศาลาเล็กแต่ประวัตินั้นไม่เล็กเลย เพราะประวัติของศาลานี้ว่ากันว่าเป็นที่สถิตของบุคคลสำคัญของชาติในอดีตอย่าง กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทซึ่งท่านนี้คืนหนึ่งในทหารคู่กายของพระเจ้าตากสินนั่นเองครับ ซึ่งตรงนี้ที่ผมพูดมาหลายๆคนอาจจะยังไม่เห็นภาพ บุคคลผู้นี้คือบุคคลที่อยู่ในภาพธนบัตร 20 บาทรุ่นเก่า หลายๆคนน่าจะออกขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ

ตำนานเขาว่ากันว่า ถ้าสมมุติว่าไม่มีศาลศาลนี้อยู่ สะพานพระราม 6 อาจจะพังทลายไปตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ไปแล้วก็ได้ ในยุคนั้นที่เกิดสงครามช้างโดนระเบิดอะไรต่างๆนานาถึงสะพานพังไปแล้วแต่ตำนานเขาว่ากันว่า เพราะสารของกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทเป็นผู้ปกปักรักษาสะพานแห่งนี้ไม่ให้พังทลายลงไปทั้งหมดทำให้สภาแห่งนี้ที่ถูกโจมตีไปได้ถูกก่อสร้างใหม่อย่างเสร็จสมบูรณ์และยังอยู่ใช้งานได้ถึงจนปัจจุบันนี้ท่านเองครับ นี่คือตำนานที่คนในพื้นที่เล่าต่อๆกันมานั่นเองครับ

ความเชื่ออย่างแรกที่บ่งบอกถึงตำนานที่อยู่คู่กับสะพานพระราม 6 มาอย่างยาวนาน แต่ถ้าหากเราพูดถึงตำนานทั่วไปที่เกี่ยวกับสะพานพระราม 6 ก็คงจะมีแค่ตำนานนี้นี่แหละ แต่จริงๆแล้วยังมีความหลอนสุดแสนน่ากลัวอีกหนึ่งอย่างคือประวัติที่บุคคลต่างๆ ได้เจอสิ่งลี้ลับที่สะพานพระราม 6 แห่งนี้นั่นเอง ต้องบอกเลยว่าต่อให้มีสารแห่งนี้อยู่ก็ตาม แต่สถานที่แห่งนี้ก็เคยผ่านเรื่องราวเยอะแยะมามากมายทั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีการทิ้งระเบิดจนสะพานแห่งนี้เกิดการชำรุดมีการเสียหายอย่างหนัก แน่นอนว่าต้องมีคนเสียชีวิต มันเลยเกิดอาถรรพ์ที่คนพบเจออย่างแรกเลยก็คือการพบเจอบุคคลแต่งตัวแปลกๆเหมือนในยุคสมัยนั้นนั่นเองครับ

สำหรับพระสะพานพระราม 6 ตรงนี้ เป็นหนึ่งสะพานที่ถูกสร้างขึ้นตามประวัติอย่างที่กล่าวไปสร้างขึ้นระหว่างกรุงเทพฯกับฝั่งธนสะพานแห่งนี้มีทั้งทางรถไฟทางคนเดินและมีทั้งทางรถยนต์สัญจรด้วย อย่างที่ผมบอกไปณตอนนั้นมันเป็นช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อมีการทิ้งระเบิดจากสหรัฐอเมริกาและอังกฤษมันก็ย่อมเกิดความเสียหายและมีการสูญเสียเกิดขึ้น สถานที่แห่งนี้โดยไม่ใช่น้อยเลยจนกลายเป็นว่าสถานที่แห่งนี้ก็ต้องถูกปิดปรับปรุงไปและได้เปิดมาใช้งานอีกครั้งตามประวัติที่ผมได้กล่าวไปข้างต้นนั้นแล้ว และตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็มีหลายๆคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า บางคนได้มากราบไหว้ ศาลเจ้าพ่อพระราม 6 มาเที่ยวที่สถานที่แห่งนี้บางคนเคยพบเจอกับกลุ่มคนใส่ชุดโบราณดูเก่าแก่ยืนอยู่แบบเป็นเงาดำๆ อันนี้คือตอนกลางวันนะครับพอมองแว๊บแรกรู้สึกเหมือนจะตาฝาดแต่พอขยี้ตาและลืมตาอีกทีกลุ่มคนเหล่านั้นก็ได้หายไปแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่คนที่ได้มาท่องเที่ยวไม่ว่าจะขับรถผ่านหรือตั้งใจมาก็ตามส่วนใหญ่เขาจะเห็นแบบนี้กันหมด แต่อีกกลุ่มนึงที่ต้องบอกเลยว่าไม่ธรรมดาเลยครับ นั่นก็คือตอนกลางคืนครับ สำหรับตอนกลางคืนแน่นอนว่าหลายๆคนที่รู้ประวัติตรงนี้อยู่แล้วก็ต้องมีกลุ่มที่อยากจะมาลองล่าท้าผี ซึ่งประวัติเคยบอกไว้ว่ามีกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนึงอยากจะมาลองของลองดีในพื้นที่แห่งนี้ได้มาทำการล่าท้าผีในบริเวณใกล้ๆกับ ศาลเจ้าพ่อพระราม 6 จนเจอดีเข้าให้ซึ่งสิ่งที่เขาเจอดีนั้นในช่วงที่เขากำลังทำการล่าท้าผีเขาได้พบเจอกับกลุ่มคนเป็นเงาดำๆตะคุ่มตะคุ่มแต่งตัวเป็นชุดไทยโบราณเก่าๆยืนอยู่ตรงทางรถไฟ พวกเขาคิดว่าคงมีใครมาแกล้งเขาอาจจะตาฝาดไปเองก็ได้เพราะสายไฟไปก็ไม่มีใครเพราะปิดไฟฉายลงกลุ่มเงานั้นก็กลับมาอีกแล้ว ต้องบอกเลยว่าเป็นภาพที่ค่อนข้างสยองเพราะสิ่งที่เขาเห็นเนี่ยมันอยู่นิ่งๆไม่ขยับยังกับรูปปั้น แล้วที่สยองไปกว่านั้นคือเขายืนอยู่บนรางรถไฟและณจังหวะนั้นก็ได้มีรถไฟผ่านมาพอดี แสงรถไฟได้สาดเข้าไปยังกลุ่มคนเหล่านั้นได้เห็นภาพชัดๆเลยว่าเป็นกลุ่มคนที่มีบาดแผลเลือดไหลเต็มตัวบางคนแขนขาดบางคนขาขาดยืนอยู่ตรงรางรถไฟ พอรถไฟยิ่งเข้าใกล้เรื่อยๆภาพวิ่งชัดขึ้นชัดขึ้นพอจังหวะที่รถไฟวิ่งพุ่งชนล่างคนกลุ่มนั้นเงานั้นก็ค่อยๆเลือนลางและจางหายไป สุดท้ายแล้วแก๊งล่าท้าผีก็กระจายตัวไม่กล้าบุกรุกมาที่นี่อีก…

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *